ทองคำเป็นธาตุโลหะมีค่าสีเหลืองทอง มันวาวเนื้ออ่อนนุ่ม ไม่ผุกร่อน ไม่ทำปฎิกริยากับอากาศ และไม่เป็นสนิมนิยมมาทำเป็นเครื่องประดับที่มีค่า
Karat กะรัตทอง หรือคนไทยเรียกสั้นๆง่ายๆว่า “K” มันเป็นหน่วยวัดส่วนผสมของทองในส่วนต่อ 1000 หรือ 100% ก็คือ 24k นั่นเอง เพราะฉนั้น ตัว K หรือกะรัต มักจะใช้ตัวย่อเป็นตัวเลข 3 หลัก หรือไม่ก็ K ตรงๆไปเลย ยกตัวอย่าง ถ้าตัวเลข 3 หลักคือ 585 ก็หมายถึง ทอง 14K ซึ่งมีเนื้อทองคำผสมอยู่ 58.8%
สำหรับคนไทยอาจจะคุ้นเคยกับการคิดความบริสุทธิ์ของทองเป็นเปอร์เซ็นต์มากกว่า เช่น ทองรูปพรรณหรือทองแท่ง 96.5% ที่ขายกันอยู่ตามร้านทอง ซึ่งหากเปลี่ยนหน่วยเป็นเคแล้ว จะมีค่าเท่ากับ 23.16K โดยหน่วยเคจะมีเปอร์เซ็นต์ทองต่างๆกัน ดังนี้
– 8K, 8ct หรือ 33.3% (ได้รับความนิยมบ้างในกลุ่มประเทศยุโรป)
– 9K, 9ct หรือ 37.5% (ได้รับความนิยมในฝั่งอังกฤษและออสเตรเลีย)
– 10K, 10ct หรือ 41.6% (ได้รับความนิยมในประเทศสหรัฐอเมริกา)
– 12K, 12ct หรือ 50% (ส่วนใหญ่จะเป็นนาฬิกาเก่า ไม่ค่อยเห็นนำมาทำเครื่องประดับกัน)
– 14K 14ct หรือ 58.5% (นิยมกันในตลาดเอเชีย และตลาดต่างประเทศรวมถึงในประเทศสหรัฐอเมริกา)
– 18K, 18ct หรือ 75% (เป็นที่นิยมมากสำหรับ ทอง18k เป็นมาตรฐานทองขั้นต่ำสำหรับขายในอิตาลี)
– 22K, 22ct หรือ 91.6 (คนไทยเรียกทอง 90 ชอบเอามาทำ แหวน กรอบพระต่างๆ)
– 24K, 24ct หรือ 100% หรือทองบริสุทธิ์ (อ่อนเกินไปสำหรับการผลิตเครื่องประดับใส่)
ปกติแล้ว ทอง 100% (หรือ 99.99%) และทอง 96.5% จะมีความอ่อนมาก จึงไม่เหมาะกับการทำเป็นเครื่องประดับฝังเพชรพลอย เพราะจะทำให้หลุดออกจากตัวเรือนได้ง่าย จึงนิยมนำมาทำเป็นทองแท่งและทองรูปพรรณมากกว่า ดังนั้น ร้านจิวเวลรี่บ้านเราจึงใช้ทอง 18K (75%) ในการทำจิวเวลรี่เสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะมีความแข็งแรงและคงทน ความแข็งแรงนี้เกิดจากการนำทองมาผสมกับโลหะอื่นๆ เช่น เงิน ทองแดง สังกะสี ในอัตราส่วนที่เหมาะสม และมีผลต่อสีของทองด้วย
ติดต่อร้านเพชร K&P Gems จำหน่ายเครื่องประดับเพชร มีใบเซอร์ GIA ทุกชิ้น
โทร. 089-888-3504